หุ้นเด่นวันนี้
9 มิถุนายน 2563 | 09:23
ราคาหุ้น บมจ. เซ็ปเป้ หรือ SAPPE วานนี้ ปรับตัวขึ้นไปทำไฮที่ 18.40 บาท ก่อนจะปิดตลาดที่ระดับ 17.60 บาท ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นผิดปกติ +416.49% เมื่อเทียบกับช่วง 5 วันทำการก่อนหน้า
หากดูข้อมูลย้อนหลัง 1 เดือนพบว่า ราคาหุ้นนั้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเพียง 9% จากระดับ 16.10 บาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นบวกขึ้นมาถึง 14% และราคาหุ้นในกลุ่มเครื่องดื่มส่วนใหญ่ปรับขึ้นมาเฉลี่ยมากกว่า 40%
ราคาหุ้น SAPPE ถูกกดดันด้วยอะไร ทำไมขยับได้เชื่องช้าเมื่อเทียบกับหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่ม แล้วความน่าสนใจยังมีไหม
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า แม้ว่าข้อมูลในอดีตไตรมาส 2 จะเป็น High Season ของ SAPPE จากการเข้าสู่ฤดูร้อนและกำไรทำจุดสูงสุดของปี แต่สำหรับไตรมาส 2 ปีนี้คาดผลกระทบจากโควิด-19 จนนำไปสู่การ Lock down ในไทย, อินโดฯ และฟิลิปปินส์ ประเมินกดดันต่อยอดขายบริษัทฯ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า หรือเทียบกับปีก่อน คาด Gross Margin ต่ำลงจากไตรมาสก่อนจาก Economies of scale ลดลง และ 37.8% ในงวดไตรมาส 2/62 เพราะผลกระทบจากภาษีสรรพสามิต ซึ่งยังต้องใช้เวลาในการปรับสูตร เพื่อไม่ต้องเข้าเกณฑ์ในเสียภาษี คาดแล้วเสร็จในช่วงครี่งหลังปีนี้
โดยบล.ทิสโก้ คาดว่า ไตรมาส 2/63 จะยังได้รับผลกระทบภาษีสรรพสามิต (ประมาณ 16-20 ล้านบาท)
บล.ทิสโก้ ระบุว่า สำหรับการปรับสูตรเครื่องดื่มเพื่อลดผลกระทบภาษีสรรพสามิตนั้น บริษัทได้เตรียมพร้อมปรับสูตรใหม่แล้วแต่อยู่ระหว่างรอมาตรการภาครัฐฯที่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงภาษีสรรพสามิตหลังจากมีการเจรจาระหว่างสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องดื่มไทยกับภาครัฐฯ ซึ่งคาดว่าน่าจะทราบผลหลังจากสถานการณ์โควิด-19
ขณะที่ บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดว่า ภาษีสรรพสามิตจะปรับลดลงตั้งแต่ไตรมาส 3/62 เพราะปรับสูตรเครื่องดื่มเสร็จแล้ว
บล.ทิสโก้ ระบุว่า ฝ่ายวิเคราะห์ยังคงประมาณการเดิมคาดกำไรสุทธิปี 63-64 อยู่ที่ 379 ล้านบาท (-6% จากปีก่อน) และ 428 ล้านบาท (+13% จากไตรมาสก่อน) ตามลำดับ จากผลกระทบโควิด-19 ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจถดถอยทั้งในประเทศและส่งออก และคาดรายได้รวมปี 63-64 อยู่ที่ 3,378 (+2% จากปีก่อน) และ 3,567 ล้านบาท (+6% จากปีก่อน) จากการคาดยอดขายในประเทศเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการออกสินค้าใหม่และการทำการตลาดของ SAPPE และกลุ่ม B’Lue คาดยอดส่งออกปี 63 ไม่เพิ่มขึ้นจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ซบเซาและผลกระทบโควิด-19 แต่คาดส่งออกปีหน้าจะเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม จากการรวบรวมข้อมูลของโบรกเกอร์ส่วนใหญ่แนะนำให้ “ซื้อ” โดยราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus อยู่ที่ 21.80 บาท
โดย บล.ฟินันเซียฯ ให้เหตุผลว่า แม้ฝ่ายวิเคราะห์จะปรับกำไรปกติปี 63 ลง 7% แต่คาดปีหน้าจะ +31% ราคาหุ้น Laggard มาก +22% นับแต่ Lockdown เดือน มี.ค. เทียบกับกลุ่มเครื่องดื่มที่ปรับขึ้นเฉลี่ย 45%
ขณะที่ บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ราคาเป้าหมายปี 63 อิงวิธี DCF อยู่ที่ 22 บาท (เทียบเท่า PER 20.6 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มเครื่องดื่มที่ซื้อขายกัน 25 เท่า จากแบรนด์ไม่ได้แข็งแกร่งเท่า OSP, CBG) ปรับคำแนะนำจาก Switch เป็น ซื้อ เนื่องจากราคาทางพื้นฐานมีอัพไซต์ พร้อมคาด Div Yied ราว 3.7% ต่อปี (จ่ายปีละครั้ง) อีกทั้ง PER ซื้อขาย 17 เท่า ถือว่าไม่แพงเมื่อเทียบกับกลุ่มฯ
ข่าวหุ้นอื่นๆที่น่าสนใจ
RECOMMENDED NEWS
Let's block ads! (Why?)
No comments:
Post a Comment