Pages

Sunday, August 30, 2020

กดดันนายกรัฐมนตรี-ประธาน สนช. ต้องจ่าย ค่าโง่ “ปิดเหมือง” - ไทยรัฐ

apakabarharus.blogspot.com

ซัดใช้อำนาจมิชอบทั้งที่ข้อมูลไม่ชัด

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวถึงกรณี รัฐบาลตั้งงบฯค่าใช้จ่ายระงับข้อพิพาทระหว่างราชอาณาจักรไทยกับบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด ลิมิเต็ดว่า วันที่ 4 ส.ค.กระทรวงอุตสาหกรรมชี้แจงต่อที่ประชุมกมธ.งบฯว่าบริษัทอัคราที่ถูกดำเนินคดี เป็นผลมาจากการใช้อำนาจตามมาตรา 44 สั่งปิด หลังมีการร้องเรียนเรื่องสุขภาพประชาชนในพื้นที่ จึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบ แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าปัญหาเกิดจากเหมืองหรือไม่ และมีข้อขัดแย้งระหว่างกลุ่มผู้คนในพื้นที่ รัฐบาลขณะนั้นต้องการปกป้องประเด็นสุขภาพประชาชน โดยเลือกใช้อำนาจตามมาตรา 44 สั่งปิดเหมืองแร่ทั่วประเทศเป็นการชั่วคราว เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง คำชี้แจงดังกล่าวยืนยันว่าคณะกรรมการตรวจสอบข้อจริง ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าปัญหาที่เกิดกับประชาชนในพื้นที่เกิดจากเหมืองหรือไม่ การใช้มาตรา 44 ปิดเหมืองอัคราทั้งที่ไม่มีหลักฐานและข้อเท็จจริงไม่สามารถสรุปได้ จึงเป็นการใช้อำนาจไม่ชอบด้วยกฎหมายและขัดหลักนิติธรรม การควบคุมมลพิษ ทุกภาคส่วนต้องให้ความสำคัญ แต่ต้องอยู่บนกฎหมาย หลักนิติธรรม มี พ.ร.บ.แร่อยู่แล้วไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจมาตรา 44 อำนาจเผด็จการสั่งปิด

กระทุ้งใช้หน่วยงานรัฐกินภาษีสู้คดี

“แทนที่ตั้งงบฯไปสู้คดี รัฐบาลควรใช้สำนักงานอัยการสูงสุด กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงต่างประเทศ และกระทรวงยุติธรรม ที่รับเงินงบประมาณรวมกันแล้วหลายหมื่นล้านบาท ไปสู้คดีจะเหมาะสมกว่าเอาเงินภาษีอากรของประชาชนทุ่มจ่ายให้ทีมทนายความหรือนักกฎหมายอื่น” พ.ต.อ.ทวี กล่าว

“โจ้” หวั่นปรับลดงบฯไม่ทันใช้ร่างเดิม

ส่วนกระแสคัดค้านการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ 2 ลำ วงเงิน 2.25 หมื่นล้านบาท เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานอนุกรรมาธิการ (กมธ.) ครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจและทุนหมุนเวียน ใน กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 2564 แถลงว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำของกองทัพเรือส่อขัดรัฐธรรมนูญหลายมาตรา ยืนยันจะต่อสู้ต่อไปยับยั้งไม่ให้ซื้อ วันที่ 31 ส.ค.เวลา 09.00 น. ต้องติดตามดูการประชุม กมธ.งบฯ ว่าจะดึงเกมออกไปอีกหรือไม่ ในรายงานคณะอนุ กมธ.ครุภัณฑ์ฯมีสาระสำคัญที่เขาไม่กล้าให้ชี้แจง โดยเฉพาะหน้า 17 ที่ระบุว่าสัญญาการซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) และบันทึกการเจรจาไม่มีข้อผูกมัดการเลื่อนการจัดซื้อเรือดำน้ำ หมายความว่าเลื่อนได้แต่มีความพยายามบอกว่าเลื่อนไม่ได้ จะโดนค่าปรับ แต่ผลสรุปของคณะอนุ กมธ.ครุภัณฑ์ฯ ชัดเจนว่าไม่เกิดความเสียหาย อีกทั้งสภาฯ นัดประชุมวาระ 2-3 แล้ววันที่ 21-22 ก.ย. และสำนักงบประมาณได้แปรญัตติรอไว้แล้ว แต่แปรญัตติไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าต้องตัดงบฯอีกเท่าไหร่ ถ้าเรื่องนี้ยังไม่สรุปต้องรอกันไป ไหนต้องทำข้อสังเกตของ กมธ.งบฯเพื่อจัดพิมพ์ร่าง พ.ร.บ.งบฯ 1,550 เล่ม และต้องจัดส่งให้ถึงมือ ส.ส.ล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน เกรงว่าสุดท้ายถ้าพิจารณากันไม่ทันภายใน 105 วัน ต้องประกาศใช้ร่าง พ.ร.บ.งบฯเดิมของรัฐบาลไปเลย หากดูไทม์ไลน์ แล้วกลัวว่าจะไม่ทัน

ฉะซื้อเรือดำน้ำส่อขัด รธน.หลายมาตรา

นายยุทธพงศ์กล่าวว่า จะนำรัฐธรรมนูญมาต่อสู้ ถ้ารัฐบาลดึงดันจะผ่านเรือดำน้ำให้ได้ มาตรา 55 บอกว่ารัฐต้องให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพทั่วถึง ขณะนี้รัฐบาลดูแลสาธารณสุขและโรคโควิด-19 ได้แล้วหรือ ทำไมไม่เอาเงินซื้อเรือดำน้ำมาให้ประชาชนตรวจโควิด-19 มาตรา 62 บอกว่ารัฐต้องรักษาวินัยการเงินการคลังอย่างเคร่งครัด จะจัดระบบภาษีให้ความเป็นธรรมต่อสังคมอย่างไร เพราะเงินซื้อเรือดำน้ำมาจากภาษีประชาชน ทำไมไม่นำเงินมาช่วยประชาชนก่อน มาตรา 75 รัฐต้องจัดระบบเศรษฐกิจให้ประชาชนพึ่งพาตนเองได้และต้องอยู่เย็นเป็นสุข การซื้อเรือดำน้ำทำให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขหรือไม่ ขอเรียกร้อง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่บอกว่ามีเอกสารครบถ้วน ถ้าเป็นจีทูจีต้องมีหนังสือรับมอบอำนาจฉบับเต็มจากรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนไปลงนาม การมอบอำนาจให้ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผบ.ทร.ในฐานะเสนาธิการทหารเรือไปลงนามแทน ขอให้ พล.อ.ประวิตรนำมาแสดง แต่คิดว่าไม่มีหนังสือดังกล่าว ถ้าเป็นจีทูจีจริงจะเข้าข่ายรัฐธรรมนูญมาตรา 178 ที่ระบุว่าสัญญาที่อาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคมและความมั่นคงของรัฐ ต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาภายใน 60 วัน ตรวจสอบแล้วยังไม่เคยมีเรื่องนี้ทั้งจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้ง จึงส่อขัดมาตรา 178

จับพิรุธจีทูจีทำไมโอนเงินเข้าเอกชน

นายยุทธพงศ์กล่าวว่า สงสัยว่าไม่ใช่การซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐจริงๆ และไม่เคยเห็นรัฐบาลจีนส่งใบเสนอขายเรือดำน้ำมาให้รัฐบาลไทย เมื่อไปดูสัญญาการจัดซื้อเรือดำน้ำลำแรก มีการจ่ายเงินให้ไปบริษัท China Shipbuilding & Offshore International (choc) เป็นบริษัทเอกชน ทำไมไม่โอนเงินไปให้กระทรวงการคลังหรือกระทรวงกลาโหมของจีน และบริษัทดังกล่าวไม่มีใบมอบอำนาจจากรัฐบาลจีน มีความผิดปกติ ที่ผ่านมากองทัพเรือชี้แจงไม่ละเอียดเรื่องการลงนามจีทูจี ถ้าพยายามดึงดันให้ผ่าน กมธ.งบฯ จะเสนอพรรคเพื่อไทยยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ เปรียบเทียบกับ พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ศาลรัฐธรรมนูญตีความตกไป ที่สำคัญโครงการใหญ่ขนาดนี้ ยังไม่เคยเห็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กับประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง เซ็นร่วมมือกันเรื่องเรือดำน้ำเลย

“พิธา” ย้ำจุดยืนก้าวไกลปิดสวิตช์ ส.ว.

ที่ จ.พิษณุโลก นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ฝ่ายค้านวันนี้เราแตกต่างแต่เราไม่แตกแยก ทุกคนยังเชื่อว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นวิกฤติ คือระเบิดเวลาที่เราจะต้องไปถอดฟืนออกจากกองไฟ แต่เราพรรคก้าวไกลเห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 และการมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) โดยไม่จำกัดว่า ส.ส.ร.จะแก้หรือไม่แก้อะไรได้บ้างคือสิ่งที่ควรจะเป็น เราจึงไม่ได้ร่วมลงชื่อกับพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ แต่โดยจุดร่วมเรายังคงเห็นร่วมกันว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหา รัฐธรรมนูญมีปัญหาที่บทเฉพาะกาล ในส่วนของอำนาจ ส.ว.ตามมาตรา 269-272 ที่ให้อำนาจ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งโดย คสช.ยังคงอยู่ และยังสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้หากมีอุบัติเหตุทางการเมือง ดังนั้นมาตรา 272 จะต้องเป็นญัตติด่วนที่เราจะต้องเปิดอภิปรายให้ได้ก่อนปิดสมัยประชุมนี้ เราจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้

หวังได้ รธน.ฉบับสุดท้ายของประเทศ

นายพิธากล่าวอีกว่า ตนอยากให้คนที่จะเป็น ส.ส.ร.ได้มีอายุ 18 ปีขั้นต่ำ เพราะอนาคตที่เรากำลังพูดคุยกันอยู่คือไปหาฉันทามติร่วมกันระหว่างคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ ส.ส.ร.ไม่มีสิทธิที่จะเป็นที่ผูกขาดความคิดทางการเมืองใดการเมืองหนึ่ง มาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง ไม่จำกัดอาชีพและวุฒิการศึกษา นี่คือข้อเสนอของพรรคก้าวไกล เพราะเราเชื่อว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ถกเถียงกัน สามารถไปเริ่มต้นกันที่ ส.ส.ร. โดยการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เป็นรัฐธรรมนูญของประชาชนจริงๆ หลีกเลี่ยงความรุนแรง เอาความเห็นที่ไม่ตรงกันไปคุยกันที่นั่น แล้วหวังว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ที่มาจากประชาชนจริงๆจะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับสุดท้ายของประเทศไทย นี่คือวิธีถอดฟืนออกจากกองไฟ สำหรับสถานการณ์ที่กำลังเป็นอยู่ นี่คือหน้าที่ของผู้แทนราษฎรอย่างตน ไม่ใช่เรื่องของการเอามัน นี่ไม่ใช่เรื่องของวัยรุ่นใจร้อน แต่นี่คือเสียงของประชาชน นี่คือสาเหตุที่เราเสนอวิธีแบบนี้ เงื่อนไขเวลาเป็นสิ่งสำคัญ ที่เราจะลดอุณหภูมิการเมืองลดลงได้ ให้ทุกคนมาพูดคุยกันอย่างมีเหตุผลและวุฒิภาวะ

เสียดายงบซื้ออาวุธแก้น้ำท่วมได้ถาวร

นายพิธายังได้กล่าวถึงกรณีปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบัน งบประมาณเรือดำน้ำ 2.2 หมื่นกว่าล้านสามารถช่วยเด็กในกลุ่มเปราะบางที่สุดในประเทศไทยที่ไม่มีเงินไปเรียนหนังสือได้ 6.7 แสนคน สามารถสร้างเขื่อนหรือบ่อน้ำขนาดกลาง-ขนาดเล็กได้เป็นจำนวนมาก เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาน้ำท่วมในวันนี้ได้ เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ตนลงไปดูไปช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมที่ จ.สุโขทัยมา ตนเชื่อมั่นอย่างยิ่งว่าด้วยงบประมาณ 2.2 หมื่นกว่าล้านบาทที่นำไปใช้ซื้อเรือดำน้ำ ถ้าให้ตนมาใช้วางระบบบริหารจัดการน้ำ ตนสามารถทำให้สุโขทัยน้ำไม่ท่วมอีกเลยได้ การบริหารจัดการน้ำในวันนี้ต้องเปลี่ยนแปลงให้เป็นแบบลุ่มน้ำ ถ้าตนเป็นผู้บริหาร ตนจะนำระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพกว่านี้มา ทั้งนี้ประวัติศาสตร์ชาติไทยของกองทัพเรือ เคยรบครั้งสุดท้ายเมื่อไรใครตอบได้บ้าง แต่ตนบอกได้ว่าพิษณุโลก สุโขทัย น้ำท่วมทุกปี แล้งซ้ำซากเป็นสิบๆปีถูกหรือไม่

“จุรินทร์” กั๊กเน้นปากท้องคู่ความมั่นคง

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ว่า จุดยืนพรรคประชาธิปัตย์เรื่องเรือดำน้ำ เคยพูดไปหลายครั้งแล้วว่าขณะนี้เรื่องเรือดำน้ำอยู่ในชั้น กมธ.วาระที่ 2 ดังนั้นควรเป็นเรื่องของ กมธ. ควรจะไปหาข้อยุติที่ประชุมให้ได้ก่อนจะเอากลับมาเข้ามาสู่ที่ประชุมสภาฯใหญ่ในการพิจารณาวาระ 2 เรียงตามลำดับมาตราและวาระ 3 ขั้นตอนสุดท้ายการหาข้อยุติในที่ประชุม กมธ. ในส่วนของ กมธ.ของพรรคได้มอบนโยบายไปแล้วว่าให้ไปหารือร่วมกันกับ กมธ.ให้ได้ข้อสรุป พรรคให้ความสำคัญเรื่องปากท้องเศรษฐกิจและปัญหาความมั่นคงของประเทศควบคู่กัน ข้อสรุปเป็นอย่างไรอีก 2-3 วันน่าจะรู้ออกมาอย่างไร

สะพัด รบ.ถอยขอจีนชะลอซื้อเรือดำน้ำ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากคณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 2564 ว่า จากเดิมวาระการประชุมเพื่อให้คณะอนุ กมธ.ครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจและทุนหมุนเวียนที่มีนายสุพล ฟองงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานเข้ารายงานผลการพิจารณา รวมถึงงบฯจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ วงเงิน 2.25 หมื่นล้านบาท วันที่ 31 ส.ค.ล่าสุดมีรายงานว่ามีแนวโน้มที่ กมธ.งบฯคณะใหญ่จะมีมติเห็นต่างจากอนุ กมธ.ครุภัณฑ์ฯที่มีมติ 5 ต่อ 4 เสียงให้เดินหน้าโครงการดังกล่าว โดยรัฐบาลไทยต้องประสานไปยังรัฐบาลจีน เพื่อขอชะลอโครงการดังกล่าวออกไปก่อนตามแผนสำรองที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหมให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้ ล่าสุดรัฐบาลได้รับคำตอบจากรัฐบาลจีนยินยอม ให้ชะลอการจัดซื้อเรือดำน้ำออกไปตามที่รัฐบาลไทยร้องขอ จึงได้ส่งสัญญาณถอยมายัง กมธ.งบฯซีกรัฐบาล ให้เตรียมขั้นตอนตัดงบฯกว่า 3,000 ล้านบาท เงินงวดแรกในวงเงิน 2.25 หมื่นล้านบาทออกไปก่อน โดยจะเชิญกองทัพเรือเข้าชี้แจงเหตุผลต่อไป

อัด “บิ๊กตู่”ศูนย์กลางความขัดแย้ง

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงแรงกดดันให้มีการเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเร็วว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม กำลังเผชิญกับแรงวิกฤติศรัทธาและแรงกดดันอย่างหนัก ทั้งในสภาฯ นอกสภาฯ ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเร็ว มีการชู 3 นิ้วไล่ทั้งนอกสภาฯ ในสภาฯ เพื่อต่อต้านเผด็จการ ไม่ใช่งานง่ายที่ พล.อ.ประยุทธ์จะเดินทางไปไหนได้สะดวก แม้รัฐธรรมนูญถูกออกแบบมาเพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นนายกฯ แต่ประเทศชาติและประชาชนต้องแลกมาด้วยภาวะความล้มเหลวทั้งทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ประชาชนสะท้อนปัญหาความวิตกกังวลการสร้างความขัดแย้งแตกแยกทางการเมือง การข่มขู่ คุกคามประชาชน ปัญหาหนี้สิน ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน พล.อ.ประยุทธ์คือศูนย์กลางความขัดแย้ง

ล้มเหลวทุกด้านทำ ปทช.เสียโอกาส

นายอนุสรณ์กล่าวว่า รัฐบาลล้มเหลวทั้งงานนิติบัญญัติและงานบริหาร สิ่งที่ไม่เคยเกิดก็เกิด เช่น ตั้งเซียนพนันมาเป็นที่ปรึกษา กมธ. ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลต่างพรรคหวิดวางมวยในสภาฯ รัฐมนตรีใหม่ขัดแย้งรัฐมนตรีเก่า รมช.แย่งซีนงัดข้อ รมว. ล้วนทำให้ประเทศชาติและประชาชนเสียโอกาส เรือดำน้ำก็ต้องซื้อ เงินสู้คดีเหมืองทองอัคราก็ต้องจ่าย ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าหัวหน้า คสช.ไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ ถ้าแพ้คดีขึ้นมา พล.อ.ประยุทธ์ต้องจ่ายเอง ไม่ควรนำเงินของรัฐที่เก็บจากภาษีอากรของประชาชนไปจ่าย

ปชป.ให้ 200 ส.ส.ร. รื้อ รธน.240 วัน

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความคืบหน้าร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่า พรรคได้มีจุดยืนชัดเจนร่วมผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตั้งแต่ต้น จนกระทั่งได้ระบุไว้เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้จัดเตรียมไว้เรียบร้อย ให้มีการแก้มาตรา 256 เพื่อเปิดทางให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญง่ายขึ้น พร้อมกันนี้ได้มีการเพิ่มเติมให้มีการจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เพื่อมายกร่างรัฐธรรมนูญ และจะไม่มีการแก้ไขเพิ่มเติมหมวด 1 บททั่วไป และหมวด 2 พระมหากษัตริย์ โดยมีสมาชิกมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน 150 คน รวมถึงให้ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ตัวแทนนักเรียน นิสิต นักศึกษา รวมถึงตัวแทนพรรคการเมือง อีก 50 คน รวมเป็นจำนวน 200 คน เพื่อร่วมกันยกร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายใน 240 วัน และต้องจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นประชาชนทั่วไป และประชาชนในทุกจังหวัดอย่างทั่วถึง วันที่ 31 ส.ค.ที่ประชุม ส.ส.พรรคจะพูดคุยกันถึงตัวร่างที่ได้ข้อยุติแล้ว ต่อจากนั้นพรรคร่วมรัฐบาลจะยื่นญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาวันที่ 1 ก.ย.ต่อไป

“วันชัย” โหนชัตดาวน์ความชั่วร้าย

นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เป็นที่แน่ชัดว่าการแก้รัฐธรรมนูญ ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลให้มี ส.ส.ร.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่แน่นอน ส่วนกรณีที่ระบุกันว่า ส.ว.คงไม่กล้าตัดอำนาจตัวเอง คงไม่กล้าขัดคนที่ตั้งตัวเองมา เท่าที่หารือกันหลายกลุ่มหลายฝ่าย เห็นพ้องต้องกันว่าสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน สร้างความรักความสามัคคีในชาติ ส.ว.คงไม่ขวางแน่นอน ข้อที่กล่าวหาหรือโจมตีกันจะพิสูจน์ให้เห็นเป็นประจักษ์ในไม่ช้า แต่สิ่งหนึ่งที่ถกเถียงและเป็นมาตลอดคือประชาธิปไตยกับเผด็จการ ตกลงเราจะเอาอย่างไรกันแน่ อยากฝาก ส.ส.ร.ทำอย่างไรเราจะปิดสวิตช์ประชาธิปไตยที่ทุจริตวุ่นวายและเผด็จการที่ยึดอำนาจเบ็ดเสร็จได้ ยิ่งปิดสวิตช์ได้เร็วเท่าใด เชื่อว่าเราไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญกันไปกันมา ไม่ต้องถกเถียงกัน รีบปิดสวิตช์ความชั่วร้ายของระบอบทั้งสองให้ได้ แค่นี้บ้านเมืองไม่ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ เหมือนที่เป็นเช่นทุกวันนี้

“เอนก” สั่งมหาวิทยาลัยป้องสถาบัน

ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ประชุมผู้บริหารมหาวิทยาลัยในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน กล่าวว่า ผู้บริหารมหาวิทยาลัยต้องมีจุดยืนที่มั่นคง โดยเฉพาะในสถานการณ์ขณะนี้ที่มีนักศึกษามีการเรียกร้อง เช่น การแก้รัฐธรรมนูญ ว่าเรื่องอะไรทำได้ เรื่องอะไรทำไม่ได้และไม่ควรทำ เช่น การดูหมิ่นหรือการกระทำที่ไม่เหมาะสมกับสถาบัน ยอมไม่ได้ เราเคยยืนตรงเคารพธงชาติ เคยรับปริญญา มหาวิทยาลัยจะต้องปกป้องและทำหน้าที่แทนสถาบัน แต่จะต้องไม่ทำให้เกิดการเผชิญหน้า มหาวิทยาลัยจะต้องทำกิจกรรมพัฒนาให้กับนักศึกษา ได้เห็นอะไรที่เป็นอนาคต ไม่ใช่เห็นแค่ความมืดมน เช่น เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาตนนำผู้นำนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยราชมงคลมาเข้าค่าย พวกเขาแสดงความไม่เห็นด้วยกับนักศึกษาที่ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้อง และไม่รู้ว่านักศึกษาที่ออกมาเป็นใคร ใครเป็นผู้นำนักศึกษา ดังนั้นมหาวิทยาลัยต้องลงไปดูแลนักศึกษาใกล้ชิด

ม.อ.หาดใหญ่ฝ่าฝนต้านรัฐบาล “ตู่”

ที่ลาน Bizz mall มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นักศึกษา กลุ่มนักกฎหมายอาสา law Long Beach ได้จัดเวทีเพื่อแสดงพลังนักเรียน นักศึกษาชุมนุมเคลื่อนไหว เพื่อเรียกร้องกดดันให้รัฐบาลเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยบรรยากาศบนเวทีมีการแสดงละครเวที มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเรียกร้องสิทธิเสรีภาพของประชาชน มีนักศึกษากว่า 300 คนเข้าร่วมการชุมนุม โดยทั้งหมดพร้อมใจกันชู 3 นิ้วแสดงออกเชิงสัญลักษณ์การต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตย ท่วมกลางสายฝนที่ตกลงมา

เด็กปากน้ำดีดนิ้วไล่เผด็จการ

ที่ จ.สมุทรปราการ เมื่อเวลา 15.30 น. ที่ถนนศรีสมุทร ข้างหอชมเมืองสมุทร ต.ปากน้ำ อ.เมืองสมุทรปราการ กลุ่มนักเรียนนักศึกษาจัดเวทีชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย ภายใต้ชื่อ “สมุทรปราการดีดนิ้วไล่เผด็จการ” ผู้ร่วมชุมนุมทยอยเดินทางมาร่วมอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบเฝ้าดูแลความอย่างเข้มงวด ต่อมา พ.ต.อ.เติมรัศมิ์ จินดาวัฒน์ ผกก.สภ.เมืองสมุทรปราการ นำเอกสารแจ้งว่ากลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้ขออนุญาตก่อน ขอให้ยุติการชุมนุม ก่อนยื่นให้นายภาณุพงศ์ จาดนอก (ไมค์ ระยอง) แต่นายภาณุพงศ์ปฏิเสธไม่ยอมรับ จากนั้นจึงจุดไฟเผาสื่อว่าคำสั่งตำรวจขัดรัฐธรรมนูญและเสรีภาพของประชาชน ส่วนบนเวทีมีแกนนำกลุ่มนักศึกษาคนสำคัญ เช่น น.ส.จุฑาทิพย์ ศริขันธ์ ประธาน สนท. นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ นักร้องนำวงเดอะบอททอมบูลส์ ผลัดกันขึ้นปราศรัยโจมตีรัฐบาล เรื่องปากท้อง ชนชั้น ประชาธิปไตย การกดขี่จากระบบศักดินา ตั้งคำถามการใช้งบประมาณของรัฐบาล การใช้งบของกองทัพ ก่อนร่วมกันยืนเคารพธงชาติ เปล่งเสียงเผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ พร้อมชูสามนิ้วเป็นสัญลักษณ์ต่อต้านเผด็จการ

“เต้นไล่ลุง” เชียงใหม่หงอยคนไม่มา

ที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อเวลา 17.00 น. ที่บริเวณข่วงประตูท่าแพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจะมีการชุมนุม “เต้นไล่ลุง” พร้อมรำลึกถึงวันผู้สูญหายสากล โดยนัดหมายตั้งแต่เวลา 17.00-19.00น. แต่เมื่อถึงเวลามีผู้มาร่วมกิจกรรมไม่ถึง 20 คน จึงทำได้แค่ชู 3 นิ้วแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ แล้วนั่งคุยกัน โดยไม่มีการแสดงใดๆอีก แต่มีตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบคอยสังเกตการณ์

กลุ่ม 24 มิถุนาระลึกถึงผู้สูญหาย

ขณะที่เมื่อเวลา 18.00 น. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา น.ส.สุวรรณา ตาลเหล็ก แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย น.ส.สิรินทร์ มุ่งเจริญ รองประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แกนนำกลุ่ม spring movement และกลุ่ม Amnesty International Thailand ร่วมจัดงานเนื่องในวันผู้สูญหายสากล นิทรรศการ “ห่าง/หาย” ผู้มาร่วมงานวางดอกกุหลาบให้กำลังใจครอบครัวที่ไม่ทราบชะตากรรมหรือผู้สูญหาย และครอบครัวผู้เสียชีวิตจากการรัฐประหาร จากนั้นเชิญ น.ส.สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวต้าร์-วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองถูกอุ้มตัวไปจากที่พักขณะลี้ภัยการเมืองอยู่ประเทศกัมพูชา ขึ้นเวทีพูดคุยช่วงรัฐประหาร และยังมีจ่านิว-สิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ และนางพะเยาว์ อัคฮาด แม่น้องเกด นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ พ่อน้องเฌอ มาร่วมด้วย

“ไทยภักดี” ระดมพลสู้ด้วยความจริง

ส่วนที่ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง กทม.กลุ่มไทยภักดี นำโดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำกลุ่มไทยภักดี จัดประชุมสมาชิกและเปิดรับสมัครสมาชิก พร้อมปราศรัย “ได้เวลาออกจากบ้าน เราจะไม่ทนการคุกคาม” โดย นพ.วรงค์กล่าวกับมวลชนว่า กิจกรรมวันนี้ไม่ได้จัดม็อบชนม็อบ จะต่อสู้ด้วยการใช้ความจริง ข้อเรียกร้องน้องๆนักศึกษาจะเอาอย่างไร บอกจะให้ยุบสภา ถ้ายุบสภาจะแก้ รธน.ไม่ได้ ถ้าจะแก้ รธน.จะยุบสภาไม่ได้เช่นกัน ที่บอกหยุดคุกคามประชาชนถามว่าใครคุกคามพวกคุณ การเอาสีไปสาดตำรวจนี่คือสันติวิธีหรือ ข้อเรียกร้อง 3 ข้อเป็นเพียงการอำพราง เพื่อนำไปสู่เรื่องอื่นมากกว่า ต้นเรื่องทั้งหมดเกิดจากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจและพรรคพวกที่ทำผิดกฎหมายแล้วไม่พอใจ ไม่ยอมรับผิด เราขยับตัวช้าไปจนเขาล้างสมองลูกหลานเราไปแล้ว ทั้งนี้ จะตั้งกองทุนรับสมัครทนายอาสาและตั้งทีมไซเบอร์เพื่อดำเนินการกับผู้ก้าวล่วงสถาบัน หรือใครที่ถูกรังควานคุกคามทางไซเบอร์ขอให้แจ้งได้ จะใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือต่อสู้ วันที่ 31 ส.ค.จะไปยื่นหนังสือถึงสถานทูตญี่ปุ่นเรียกร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่นยุติการให้ใช้ประเทศญี่ปุ่นเป็นฐานโจมตีสถาบัน

“สิระ” เรียก“เต้” ดูคลิปตบทรัพย์เอกชน

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีคลิปเสียงคล้ายนักการเมืองเรียกรับเงินบริษัทติดตั้งกล้องวงจรปิดว่า ความจริงแล้วที่เปิดเผยไปเป็นเพียงคลิปเสียง แต่ต้นฉบับจริงเป็นคลิปที่มีทั้งภาพและเสียง จึงยังไม่ขอเปิดเผย เพราะจะเรียกนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส. บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์มาดูคลิปดังกล่าวก่อน เพื่อถามว่าพอจะรู้จักคนในภาพหรือไม่ แต่หากไม่มาภายในวันที่ 1 ก.ย.จะนำคลิปภาพและเสียงดังกล่าวมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชน เพื่อให้ช่วยกันดูว่าหน้าคล้ายบุคคลใดหรือไม่ หลังเปิดเผยคลิปดังกล่าวแล้วจะดูเรื่องข้อกฎหมายว่าการกระทำดังกล่าว เข้าข่ายผิดกฎหมายใดบ้าง ก่อนจะดำเนินการต่อไป แต่เบื้องต้นทราบว่านายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจะเดินทางไปยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อตรวจสอบเรื่องดังกล่าวในวันที่ 31 ส.ค.

“ศรี” ร้อง ป.ป.ช.สอบ ส.ส.ดังไถ 12 ล้าน

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่าตามที่สื่อมวลชนและโซเชียลมีเดียเผยแพร่คลิปเสียงยาวเกือบ 2 นาที เสียงในคลิปคล้ายเสียง ส.ส.คนดัง หัวหน้าพรรคหนึ่งกำลังเจรจาเรียกรับเงิน 12 ล้านบาทจากบริษัทรับติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด หรือ ซีซีทีวี (CCTV) ในโครงการ Safe Zone Schools ของกระทรวงศึกษาธิการแลกเคลียร์สื่อมวลชนและคนใหญ่คนโตหลายวงการให้ยุตินำเสนอข่าวด้านลบของบริษัท หากเป็นจริงถือว่าเลวร้ายที่สุด เสมือนพวกปลิงทากเกาะกินทำลายสถาบันการปกครอง เข้าข่ายความผิดตาม ป.อาญา มาตรา 149 ประเด็นเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ มีโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ปีถึง 20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต ปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 40,000 บาทหรือประหารชีวิต

ประโยชน์ขัดกันชงตัดสิทธิการเมือง

นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังเป็นการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลกับประโยชน์ส่วนรวม เข้าข่ายฝ่าฝืนบทบัญญัติ มาตรา 129 ประกอบ มาตรา 128 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต เป็นอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช.จะไต่สวนและชี้มูลความผิดจริงหรือไม่ หากเป็นไปตามคลิปต้องส่งให้อัยการฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้พิพากษาลงโทษให้ออกจากตำแหน่ง ส.ส.และตัดสิทธิทางการเมือง จะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.วันที่ 31 ส.ค.63 เวลา 10.30 น.

“เรืองไกร” ร้อง สตง.สอบเอโอทีทำเจ๊ง

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ เปิดเผยว่าจากการตรวจสอบข้อมูลของ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) ในเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯพบประเด็นที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อกระทรวงการคลังหลายหมื่นล้านบาท กรณี AOT มีหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯเกี่ยวกับการแก้ไขสัญญากับเอกชนรายใหญ่จะทำให้ผลประโยชน์ของ AOT ที่ประมาณการไว้ลดลงไปด้วย ส่งผลให้ราคาหุ้นและเงินปันผลของ AOT ลดลงไป AOT มีกระทรวงการคลังถือหุ้นใหญ่ 70% จำนวน 10,000 ล้านหุ้น มีราคาปิด ณ วันที่ 28 ส.ค.63 อยู่ที่ 56.75 บาทต่อหุ้น หากราคาหุ้น AOT ลดลง 1 บาท มูลค่าหุ้นที่กระทรวงการคลังถืออยู่จะลดลง 10,000 ล้านบาท หาก AOT มีกำไรลดลงและทำให้การจ่ายเงินปันผลลดลง 1 บาท กระทรวงการคลังจะได้ เงินปันผลลดลง 10,000 ล้านบาท

แก้สัญญาบิ๊กเอกชนฉุดหุ้น–ปันผลหดวูบ

นายเรืองไกรกล่าวอีกว่า กรณีที่ AOT แจ้งไว้จึงเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นความเสียหายที่อาจเกิดกับกระทรวงการคลังผู้ถือหุ้นใหญ่ อีกทั้ง AOT ยังมีสำนักงานประกันสังคมถือหุ้น 164 ล้านหุ้น น่าจะได้รับผลกระทบตามไปด้วย จึงเข้าข่ายอาจเป็นการกระทำใดๆที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ คือ กระทรวงการคลังและสำนักงานประกันสังคม จำเป็นต้องร้องให้ สตง.ตรวจสอบโดยด่วน วันที่ 31 ส.ค.เวลา 10.00 น.จะไปยื่นหนังสือขอให้สตง.ตรวจสอบว่า AOT กระทำการที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อกระทรวงการคลังและสำนักงานประกันสังคมหรือไม่

คนไทยวิตกจริตหนี้สิน–แตกแยก

วันเดียวกัน สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจเรื่อง “ความวิตกกังวลของประชาชนต่อการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ณ วันนี้” จากกลุ่มตัวอย่าง 1,727 คน สำรวจเมื่อวันที่ 25-28 ส.ค. พบว่าด้านการเมืองวิตกกังวลเรื่องความขัดแย้งแตกแยก ร้อยละ 75.80 การซื้อเรือดำน้ำ ร้อยละ 66.24 การคุกคามต่อประชาชน ร้อยละ 59.81 การชุมนุมประท้วงร้อยละ 58.89 และการแก้ไขรัฐธรรมนูญร้อยละ 54.37 ด้านเศรษฐกิจ วิตกกังวลเรื่องหนี้สิน ร้อยละ 80.78 สินค้าแพงร้อยละ 76.78 การว่างงานร้อยละ 74.64 การส่งออกติดลบร้อยละ 67.52 และการกินอยู่ยุคโควิด-19 ร้อยละ 67.34 และด้านสังคมวิตกกังวลเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน ร้อยละ 83.56 สุขภาพอนามัย (โควิด-19) ร้อยละ 64.16 การบูลลี่ ร้อยละ 62.02 กระบวนการยุติธรรม (คดีบอส) ร้อยละ 61.96 และน้ำท่วมร้อยละ 55.88

ซูเปอร์โพลจัดให้ ปชช.หนุน “บิ๊กตู่” ลิ่ว

นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เผยผลสำรวจ “ประชาชนหนุนใคร” กรณีศึกษา 1,645 ตัวอย่างระหว่างวันที่ 25-29 ส.ค.ว่าการรับรู้ของประชาชนที่มีผลต่อความน่าเชื่อถือของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ได้แก่ เมื่อปีที่แล้วนายธนาธร บอกศาลรัฐธรรมนูญว่าไม่ทราบ จำไม่ได้ เรื่องโอนหุ้น กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 90.6 ระบุมีผลต่อความน่าเชื่อถือ ร้อยละ 9.4 ไม่มีผล กรณีช่วงวิกฤติโควิด-19 กลุ่มนายธนาธรระดมเงินบริจาค แจกประชาชน แต่ไม่ได้แจกเงินทุนที่ได้มาให้หมดแก่ประชาชน ร้อยละ 90.3 ระบุมีผลต่อความน่าเชื่อถือของนายธนาธร ร้อยละ 9.7 ไม่มีผล ส่วนการรับรู้ที่มีผลต่อความน่าเชื่อถือของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อประชาชนไม่รู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ทำให้มีกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา ช่วยเหลือเด็กนักเรียน เยาวชนที่

ยากจนพิเศษได้ทุนเรียนฟรี พ่อแม่

ผู้ปกครองได้รับพัฒนาทักษะ มีงานทำ กำลังขยายถึงปริญญาตรี ร้อยละ 69.7 มีผล ร้อยละ 30.3 ไม่มีผล เมื่อไม่รู้ว่ารัฐบาลทำให้ประชาชนปลูกไม้มีค่าขายได้ คนอยู่กับป่าได้ตามกฎหมายกำหนด และในเมืองมี ระบบขนส่งรถไฟฟ้า ความเจริญด้านเทคโนโลยีเกิดหลายแห่ง ร้อยละ 68.9 ระบุมีผล ร้อยละ 31.1 ไม่มีผล

อวยทำประโยชน์มากกว่า “ธนาธร”

เมื่อไม่รู้ว่าโครงการชิมช้อปใช้ ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ ร้อยละ 69.4 มีผลต่อความน่าเชื่อถือของ พล.อ.ประยุทธ์ ร้อยละ 30.6 ระบุไม่มีผล เมื่อประชาชนไม่รู้ว่าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใช้ซื้อสินค้าจำเป็นได้ ซื้ออุปกรณ์การเรียนได้ ซื้อวัสดุการเกษตรได้ ซื้อตั๋วรถโดยสาร ตั๋วรถไฟได้ ร้อยละ 69.8 ระบุมีผลต่อความน่าเชื่อถือของ พล.อ.ประยุทธ์ ร้อยละ 30.2 ไม่มีผล เมื่อถามว่าคนที่ทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ที่จับต้องได้มากกว่ากันระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์กับนายธนาธร ร้อยละ 76.6 ระบุ พล.อ.ประยุทธ์ ร้อยละ 17.1 ระบุนายธนาธร เมื่อถามว่าคนที่ได้รับการสนับสนุนให้เป็นนายกฯมากกว่ากันส่วนใหญ่ร้อยละ 70.8 สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ร้อยละ 19.2 สนับสนุนนายธนาธร

Let's block ads! (Why?)


August 31, 2020 at 05:25AM
https://ift.tt/3bdljrW

กดดันนายกรัฐมนตรี-ประธาน สนช. ต้องจ่าย ค่าโง่ “ปิดเหมือง” - ไทยรัฐ
https://ift.tt/2WNXmBW
Home To Blog

No comments:

Post a Comment