ความจริงที่ทำให้สีจิ้นผิงต้องปิดบังเอาไว้
วันที่ 02 ก.ย. 2563 เวลา 09:59 น.
การชี้ให้เห็นว่าสังคมจีนเหลื่อมล้ำพอๆ กับสหรัฐจะบั่นทอนราศีของสีจิ้นผิงในฐานะผู้นำ ทำให้ประชาชนกังขาในตัวเขา
โตมาส์ พิคเกตตี้ (Thomas Piketty) นักเศรษฐศาสตร์ชาวฝรั่งเศสมีหนังสือเล่มหนึ่งที่สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วโลก คือ "ทุนในศตวรรษที่ 20" (Capital in the Twenty-First Century) ซึ่งขายดิบขายดีในจีน อาจเป็นเพราะมันวิพากษ์ความไม่เท่าเทียมกันของสังคมทุนนิยม
แม้แต่สีจิ้นผิงก็ยังชมเชยหนังสือเล่มนี้ อาจเป็นเพราะหนังสือเล่มนี้ตีแผ่ภาวะจนกระจุกรวยกระจายในโลกตะวันตก และสีจิ้นผิงใช้หนังสือของพิคเกตตี้เพื่อย้ำว่าจีนมาถูกทางแล้วในการสร้างความมั่งคั่งและลดความเหลื่อมล้ำ
ในระยะหลัง (โดยเฉพาะล่าสุดคือเดือนสิงหาคมปีนี้) พรรคคอมมิวนิสต์จีนย้ำถึงความสำคัญของแนวคิดมาร์กซิสต์มากจนผิดสังเกต ทั้งๆ ที่ผ่านมาจีนแทบจะเป็นทุนนิยมเต็มตัวอยู่แล้ว ส่วนแนวคิดมาร์กซิสต์เป็นแค่คำสอนที่ยกขึ้นหิ้งเอาไว้งั้นๆ
แนวคิดมาร์กซิสต์วิพากษ์การกอบโกยของระบอบทุนนิยมโดยกดขี่ชนชั้นแรงงาน แนวคิดนี้จึงลงรอยกับทุนนิยมไม่ได้ เพียงแต่ก่อนที่จะไปถึงสังคมที่ทุกคนครอบครองทุนและกำไรโดยเท่าเทียมกัน (สังคมนิยมและคอมมิวนิสต์) จะต้องมีวิวัฒนาการบนรากฐานของทุนนิยมเสียก่อน จากนั้นค่อยๆ วิวัฒนาการเป็นสังคมที่เหลื่อมล้ำน้อยลงเรื่อยๆ
ดังนั้นพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่เคยเป็นมาร์กซิสต์สุดโต่ง พยายามล้มล้างชนชั้นและนายทุน สุดท้ายแล้วไม่อาจฝืนธรรมชาติได้ จึงต้อง "แก้" เพื่อประนีประนอมกับสังคมโลกที่ยังอยู่ในระดับขั้นของทุนนิยม โดยเริ่มตั้งแต่สมัยเติ้งเสี่ยวผิง หลังจากนั้นมาจีนจึงใช้ระบอบ "สังคมนิยมที่มีเอกลักษณ์แบบจีน"
สีจิ้นผิงก็สืบทอดแนวคิดนี้เหมือนผู้นำจีนยุคหลังเติ้งเสี่ยวผิงทุกคน เพียงแต่สีจิ้นผิงมีลักษณะรวบอำนาจและเป็นผู้ชี้นำทางความคิดมากกว่าผู้นำจีนที่ผ่านๆ มา เขาพยายามที่จะยกระดับตนเองให้เหมือนเหมาเจ๋อตงและเติ้งเสี่ยวผิงที่เป็นทั้งผู้นำและเจ้าทฤษฎีเศรษฐกิจสังคม
สีจิ้นผิงจึงผลักดันแนวคิดของตนเองที่อิงกับ "สังคมนิยมที่มีเอกลักษณ์แบบจีน" และยังจะเผยแพร่แนวคิดแบบมาร์กซิสม์เพิ่มเติมโดยบอกว่า "ให้ยึดหลักมาร์กซิสม์เเอาไว้" และ "มาร์กซิสม์คืออาวุธที่จะนำชัยชนะแห่งอนาคตมาสู้จีน" และ "ในที่สุดทุนนิยมจะพินาศและสังคมนิยมจะมีชัย"
แต่หนังสือของโตมาส์ พิคเกตตี้เล่มล่าสุดอาจทำให้สีจิ้นผิงต้องคิ้วขมวด เพราะตีแผ่ความไม่เท่าเทียมกันของจีนที่รุนแรงขึ้น จากที่เคยเท่าๆ กับยุโรป (ซึ่งพยายามเกลี่ยความมั่งคั่งให้เท่ากันด้วยแนวคิดสังคมนิยม) ล่าสุด จีนเริ่มที่จะมีคนรวยกระจุกจนกระจายแบบสหรัฐแล้ว
หมายความว่าตอนนี้จีนกำลังจะกลายเป็นสังคมที่มีคนรวยนิดเดียว คนจนและคนชั้นกลางมากมายมหาศาลเหมือนสหรัฐซึ่งเป็นทุนนิยมตัวพ่อ และหมายความว่า "สังคมนิยมที่มีเอกลักษณ์แบบจีน" ที่สีจิ้นผิงพยายามโปรโมตกำลังจะล้มเหลว หรืออย่างน้อยกำลังจะกลายพันธุ์เป็นแบบสหรัฐ ประเทศที่จีนเคยยิ้มเยาะในหนังสือเล่มก่อนของพิคเกตตี้
ความล้มเหลวของสังคมนิยมแบบจีน (หรือแบบสีจิ้นผิง) ไม่ใช่เรื่องน่ายิ้มเยาะ เพราะมันมีหลักการที่น่าชื่นชม เป็นการเกลี่ยความมั่งคั่งให้เท่าเทียมกันการทำสงครามกับความความยากจน นี่คือเป้าหมายที่ทุกประเทศควรมี แต่มันเกิดความผิดพลาดบางอย่างที่ทำให้ "ความฝันจีน" ของสีจิ้นผิงต้องสะดุด
หนังสือเล่มล่าศุดของพิคเกตตี้ คือ Capitalism and Ideology (ทุนนิยมและอุดมการณ์) อุทิศบทที่ 12 ให้กับสังคมคอมมิวนิสต์และอดีตประเทศคอมมิวนิสต์ โดยชี้ว่าตอนนี้จีนกำลังเริ่มจะมีสภาพเหมือนรัสเซียซึ่งเป็นอดีตประเทศคอมมิวนิสต์ ซึ่งครอบงำโดยพวกธนาธิปไตย หรือคนรวยที่กุมความมั่งคั่งส่วนใหญ่เอาไว้
ตอนนี้จีนมีคน "โคตรรวย" แบบรัสเซีย และพิคเกตตี้บอกว่า "เมื่อถึงปลายทศวรรษที่ 2010 จีนแทบจะไม่ต่างจากสหรัฐเลยในแง่ของความไม่เท่าเทียมกันในสังคม และเห็นได้ชัดว่าเป็นสังคมเหลื่อมล้ำกว่ายุโรป ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีความเท่าเทียมกันมากที่สุดเมื่อเทียบกับสามภูมิภาคนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 80"
ข้อความแบบนี้ทำให้รัฐบาลจีนรับไม่ได้ และขอให้ทางสำนักพิมพ์เซนเซอร์ออกไปก่อนที่จะวางจำหน่ายในจีน ซึ่งเป็นเรื่องที่พิคเกตตี้ยอมรับไม่ได้ เขาประกาศว่าจะไม่ยอมให้จีนเซนเซอร์เด็ดขาดและบอกว่า "ในหนังสือ Capitalism and Ideology ผมเสนอแง่มุมที่วิพากษ์แต่สร้างสรรค์เรื่องความเหลื่อมล้ำและความหน้าไหว้หลังหลอกของรัฐบาลต่างๆ ทั้งในจีน แต่ยังรวมถึงสหรัฐ ยุโรป อินเดีย บราซิล ตะวันออกกลาง ... น่าเสียใจที่ "สังคมนิยมที่มีเอกลักษณ์แบบจีน" ของสีจิ้นผิง หดตัวเองให้หนีจากการวิวาทะอย่างเปิดเผย"
ถ้าวิเคราะห์กันด้วยความเป็นธรรม งานของพิคเกตตี้เป็นหนังสือแบบมาร์กซิสม์อย่างอ่อนๆ ซึ่งน่าจะเข้ากันดีกับแนวคิดของสีจิ้นผิง และหนังสือเล่มก่อนของเขายังได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากสีจิ้นผิง แต่เมื่อพิคเกตตี้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาในจีน สีจิ้นผิงกลับปฏิเสธที่จะรับฟัง
นี่เป็นเรื่องที่คาดเดาได้ เพราะสังคมจีนในเวลานี้มีขันติธรรมต่อความเห็นต่างทางการเมืองไม่มากนัก ซึ่งหมายความว่าความคิดใดๆ ที่ท้าทายแนวคิดของสีจิ้นผิง (หรือแม้แต่แนวคิดเดียวกันแต่ชี้ถึงจุดอ่อน) ก็อาจจะอยู่ในจีนไม่ได้ แม้แต่ในพรรคคอมมิวนิสต์จีนเองก็ไม่ใช้เรื่องง่ายที่จะวิพากษ์สีจิ้นผิง
เราอาจวิเคราะห์ว่าถึงแม้พิคเกตตี้จะมีเจตนาดี แต่การชี้ให้เห็นว่าสังคมจีนเหลื่อมล้ำพอๆ กับสหรัฐจะบั่นทอนราศีของสีจิ้นผิงในฐานะผู้นำ ทำให้ประชาชนกังขาในตัวเขา และบั่นทอนการนำของพรรคคอมมิวนิสต์ ยิ่งในเวลานี้มีกระแสข่าวเรื่องความไม่พอใจรัฐบาลจีนเรื่องการรับมือกับการระบาด
แต่ไม่ใช่ว่าสีจิ้นผิงจะไม่ฟังพิคเกตตี้ สีจิ้นผิงมีเหตุผลร้อยแปดพันประการที่จะต้องฟังเขา เพราะพิคเกตตี้บอกเรื่องจริง บอกด้วยแนวคิดที่ไม่ต่างจากรัฐบาลจีนและยังช่วยชี้ทางสว่างให้ด้วยหลักการที่ไม่ลำเอียง เพียงแต่สีจิ้นผิงไม่อาจปล่อยให้คนจีนทั่วไปรู้เรื่องนี้
อย่างที่ หวงคุนหมิง หัวหน้าฝ่ายโฆษณาชวนเชื่อของพรรคคอมมิวนิสต์จีนบอกว่า การที่จีนยึดหลักมาร์กซิสต์เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะจะช่วยป้องกันความเปลี่ยนแปลงแบบถอนรากถอนโคนอย่างที่เกิดขึ้นกับโซเวียตและยุโรปตะวันออก นั่นคือการโค่นล้มของรัฐบาลคอมมิวนิสต์และการเกิดสังคมรวยกระจุกจนกระจาย
AFP PHOTO / Greg Baker
September 02, 2020 at 10:02AM
https://ift.tt/3gNt60P
ความจริงที่ทำให้สีจิ้นผิงต้องปิดบังเอาไว้ - โพสต์ทูเดย์
https://ift.tt/2WNXmBW
Home To Blog
No comments:
Post a Comment