Pages

Saturday, August 15, 2020

สิ่งที่ต้องทำไม่ใช่ “นิว นอร์มอล” แต่ต้องเป็น “นาว นอร์มอล” - ไทยรัฐ

apakabarharus.blogspot.com


ที่สำคัญในเวลานี้ คือ ต้องเข้าใจว่าเชื้อโควิด–19 ยังไม่หมดจากในประเทศ โดยไม่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศก็ได้ ทั้งนี้จะยังมีอยู่มากน้อยไม่มีตัวเลข เพราะยังไม่มีการตรวจเชิงรุก จริงจัง ซึ่งต้องมุ่งเป้าไปยังคนติดเชื้อหนุ่มสาวแข็งแรงที่ไม่มีอาการ แต่แพร่เชื้อได้

ทั้งนี้ หายเองได้ โดยปล่อยเชื้อได้ 20–30 วัน หรือมากกว่า และหยุดไปเอง ถ้าไม่เจอคนที่อ่อนแอ มีโรคประจำตัวก็จะแพร่ไปเอื่อยๆ เรื่อยๆ จนกว่าจะมีการชุมนุมทางสังคมเป็นกลุ่มก้อน ขาดวินัย

กระบวนการที่ควรต้องทำนอกจากจะเป็นการป้องกันไม่ให้มีการเล็ดลอดของผู้ติดเชื้อที่สามารถแพร่เชื้อได้ โดยมักไม่แสดงอาการ และทำให้เชื้อรุกล้ำเข้ามาในโรงพยาบาล หรือเกิดการแพร่เป็นกลุ่มก้อนในประเทศ คือ

1–ย้ำกับตนเองว่าเชื้อโควิด-19 ยังคงมีอยู่ในประเทศไทยได้ แม้จะมีการประกาศว่าไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศ ณ เดือนกรกฎาคม 2563 ทั้งนี้ เนื่องจากผู้ป่วยติดเชื้อที่ไม่มีอาการจะหายได้เอง

2–เชื้อที่ถูกปล่อยออกมานั้น สามารถไปติดผู้อื่นได้ ถ้ายังคงไม่มีการรักษาวินัยและคงระยะห่าง และผู้ที่มีการติดเชื้อใหม่นั้นถ้ามีปัจจัยเสี่ยง หรือแม้แต่คนปกติไม่มีโรคประจำตัว สัมผัสกับเชื้อเข้มข้น และเวลาที่สัมผัสนาน ก็มีอาการให้เห็นได้ชัดและรุนแรงได้

3–ถ้าไม่มีการรักษาวินัยจะทำให้การติดเชื้อกระจายไปได้เป็นจำนวนมาก

4–สำหรับผู้ที่มีอาการ อาจจะเป็นลักษณะ แบบมาตรฐาน โดยมีอาการทางระบบทางเดินหายใจหรือแบบไม่มาตรฐานโดยแสดงอาการออกมาในระบบอื่นๆ

5–เนื่องจากอาการหลากหลายดังกล่าว จึงต้องมีการตรวจอยู่อย่างเคร่งครัด และสม่ำเสมอโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข

6–การตรวจในเชิงรุกมีความจำเป็นเพื่อจะทำให้ทราบสถานการณ์ที่แท้จริงในพื้นที่ในชุมชน ว่าปลอดจากเชื้อจริงหรือไม่อย่างไร

และสามารถกระทำได้โดยรถตรวจเคลื่อนที่ ดังที่ในหลวงพระราชทาน และการตั้งจุดตรวจจากทางการ ในชุมชนต่างๆ สำหรับประชาชนที่ได้มีกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง เช่นอยู่ในที่ชุมนุมหนาแน่น จะสามารถเข้าถึงการตรวจได้สะดวก และโดยสมัครใจ และถ้าผลเป็นบวกสามารถที่จะควบคุมป้องกันการกระจายโรคได้ทันท่วงที ไม่ใช่เป็นการสืบค้นหลังจากที่เกิดโรคขึ้นมาแล้ว

คำแนะนำ และสรุปที่ครบถ้วน จากอาจารย์ yupin deesomsak

การควบคุมการระบาดของโควิด-19 ให้ได้ผลนั้น หัวหน้าทุกระดับ ต้อง

1.รู้จริงเกี่ยวกับโรคโควิด-19 รู้ผลกระทบ และวิธีจัดการแก้ปัญหาอย่างถูกต้อง เหมาะสม ทันเหตุการณ์

2.จริงใจและจริงจังในการทำงานป้องกัน (เชิงรุก) และแก้ปัญหา (เชิงรับ)

3.ร่วมมือประสานงานกัน

4.วางระบบระเบียบวิธีการปฏิบัติให้ชัดเจน ว่าใครจะตัดสินใจว่าจะออกมาตรการใดให้ปฏิบัติอย่างไร ที่ใด เวลาใด มีขั้นตอนอย่างไร ฯลฯ

5.สนับสนุนและลงมือแก้ปัจจัยเหตุของปัญหาที่รู้อยู่แล้ว เช่น ความหนาแน่นใกล้ชิดกันในรถสาธารณะ โรงเรียน ตลาด สถานที่ท่องเที่ยว สถานบันเทิงต่างๆ เป็นต้น การทำงานและเลิกงานในเวลาเดียวกันต้องเหลื่อมเวลา และแบ่ง ทำงานที่บ้าน

การไม่ทราบอย่างแท้จริงว่าในประเทศไทยยังมีหรือไม่มีผู้ติดเชื้อทั้งแสดงอาการและไม่แสดงอาการที่ไม่ได้รับการตรวจ ที่รู้และรายงานทุกวันว่าไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศไทยนั้น คือเฉพาะผู้ที่ได้รับการตรวจเท่านั้น

6.ความไม่ รู้จริงเกี่ยวกับโรคและสถานการณ์ ทำให้ประชาชนตื่นกลัว วิตกกังวล หรือไม่สนใจ หรือไม่ปฏิบัติตัวในการป้องกันโรคและการแพร่เชื้อโรค

7.ช่องโหว่ที่จะเป็นทางให้เชื้อโรคเข้ามาในประเทศ เช่น...การเลือกกลุ่มชาวต่างชาติเข้ามาในประเทศได้...

8. การคัดกรองกักกันที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎที่วางไว้โดยไม่มีข้อยกเว้นกับทุกคน...สถานกักกันโรคของหน่วยงาน (Organization Quarantine-OQ) สำหรับกักกันบุคลากรของหน่วยงานนั้นที่เดินทางเข้ามาในประเทศซึ่งควบคุมไม่ได้...การปล่อยปละละเลยให้มีผู้ลักลอบเข้าประเทศแบบผิดกฎหมาย เป็นต้น

ต้องมีการติดตามประเมินผลตลอดเวลา เมื่อเกิดปัญหาในการทำงาน ต้องรีบนำมาพิจารณาทบทวน หาสาเหตุ แก้ไข ปรับปรุง และป้องกันไม่ให้ปัญหาเกิดขึ้นอีก

นิว นอร์มอล (new normal) แท้จริงแล้ว คือ สภาพ นอร์มอล (now normal) ที่ควรต้องทำ เพราะโลกรอดจากไข้หวัดใหญ่สเปน เมื่อ 101 ปีที่แล้ว จากใส่หน้ากากผ้า ล้างมืออยู่ห่าง 2 เมตร ทั้งๆที่ไม่มียาใดๆ และไม่ว่าเชื้อโค หรือ ไม่โค หวัดใหญ่ หมู คน ไก่ เป็ด เราก็อาศัยวินัยแบบเดียวกันทั้งสิ้น.

หมอดื้อ

อ่านเพิ่มเติม...

Let's block ads! (Why?)


August 16, 2020 at 05:01AM
https://ift.tt/3h3KUG3

สิ่งที่ต้องทำไม่ใช่ “นิว นอร์มอล” แต่ต้องเป็น “นาว นอร์มอล” - ไทยรัฐ
https://ift.tt/2WNXmBW
Home To Blog

No comments:

Post a Comment